การใช้สูตรเดินเงินเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นักเดิมพันมืออาชีพเลือกใช้ในการทำกำไรและบริหารความเสี่ยงให้กับตัวเอง ซึ่งสูตรเดินเงินก็มีมากมายหลายสิบสูตรให้ได้เลือกใช้กัน ที่นิยมใช้หรือมีการพูดถึงมากที่สุดก็คงต้องยกให้กับสูตรมาร์ติงเกล (Martingale) ที่เรียกได้ว่ามีความครบเครื่องมากที่สุดทั้งการถอนทุน การคืนกำไร ไปจนถึงใช้กำไรเล่นอย่างเดียว วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับสูตรเดินเงินมาร์ติงเกลให้มากขึ้นว่าเป็นอย่างไร ต้องใช้ยังไง ถึงจะช่วยให้การวางเดิมพันของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ความพิเศษของสูตรนี้คือมีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้แก้สถานการณ์ได้ในจังหวะที่เล่นเสียได้ และยังสามารถใช้เพียงแค่กำไรเอามาต่อทุนได้เช่นกัน โดยหลักการของสูตรมาร์ติงเกลก็คือการแทงทบที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นสูตรเดินเงินที่มือใหม่ก็ใช้ได้ ไม่ต้องใช้ทักษะชั้นสูง แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าสูตรนี้จะมีอยู่ 3 สูตรย่อยด้วยกันก็คือ Martingale, Super Martingale และ Winning Martingale ซึ่งผู้เล่นจะต้องเลือกใช้ให้ถูกสถานการณ์ ไม่เช่นนั้นแทนที่จะได้กำไร อาจไม่เหลือเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียวได้เช่นกัน
ระบบแรกที่เราจะพูดถึงกันก็คือมาร์ติงเกลหรือแทงทบซึ่งเป็นพื้นฐานของอีกสองสูตรที่เหลือ หลักการของมันก็คือต้องวางเดิมพันเป็นสองเท่าของรอบที่เสียและเมื่อชนะจะต้องหยุดทันที สูตรนี้มีข้อดีตรงที่ช่วยให้เราดึงเงินที่เสียไปกลับคืนมาพร้อมกับกำไรอีก 1 หน่วย แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ต้องมีเงินทุนเยอะพอสมควร แล้วถ้าแทงทบมากเกินไปก็อาจชนเพดานเดิมพันของโต๊ะและเสี่ยงที่จะเสียเงินก้อนโตด้วย ดังนั้นจึงนิยมเล่นกันแค่ 5 ตา เพื่อลดความเสี่ยงที่ว่ามา
ยกตัวอย่างเช่น
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะชนะในในตาไหนเราก็จะได้รับกำไรเพียงแค่ 10 บาทเท่านั้น สิ่งที่ต้องคิดก่อนใช้สูตร Martingale ก็คือในช่วงเวลาดังกล่าวมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่เค้าไพ่เข้าทางเรา เพราะหัวใจสำคัญของสูตรนี้ก็คือเราจะเอาเงินทุนคืนมา เพียงแต่กำไรที่ได้มาคือผลพลอยได้เท่านั้น หากจะใช้สูตรนี้เพื่อหวังกำไรบอกได้เลยว่าได้ไม่คุ้มเสี่ยงอยู่แล้ว นอกจากนี้สูตรมาร์ติงเกลยังเหมาะกับการแทงตาแรกน้อย ๆ หรือแทงขั้นต่ำ เพราะมีโอกาสที่จะไม่ชนเพดานมากกว่าการเปิดเกมด้วยยอดสูง
สูตรนี้ได้รับการพัฒนามาจากแนวคิดที่ว่าไหน ๆ กำไรที่ได้รับควรจะคุ้มค่าความเสี่ยงด้วย วิธีการใช้งานก็ยังคงเป็นการแทงทบเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเงินทุนอีก 1 หน่วยที่เราจะยัดมันเข้าไป ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าพอใจตรงที่เวลาเราชนะจะได้กำไรของทุกตาที่เสียไป แต่นั่นก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่คือเราต้องมีเงินทุนที่หนามาก แล้วต้องระวังเรื่องชนเพดานและเสี่ยงเสียเงินก้อนใหญ่มากกว่าเดิม
ยกตัวอย่างเช่น
จากตัวอย่างจะเห็นว่าเงินทุนที่เราต้องใช้ในสูตรนี้ต้องเยอะมาก ๆ แค่เล่นขั้นต่ำตาละ 10 บาท ยังต้องมีเงินเผื่อไว้ไม่น้อยกว่า 570 บาท และเพื่อไม่ให้เกิดแรงกดดันจนตัดสินใจผิดพลาดเราอาจต้องเตรียมเงินไว้มากถึง 1,000 บาท หรือ 10 เท่าของขั้นต่ำ ถึงจะเป็นระยะปลอดภัย อย่างไรก็ตามสูตรนี้เรายังคงใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการถอนทุนจริง ๆ และต้องมั่นใจว่าเมื่อแทงทบไปถึงตาที่ 5 แล้วจะไม่ชนเพดานของโต๊ะจนไปต่อไม่ได้ ไม่อย่างนี้ถึงจะได้เงินคืนก็ไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปแน่นอน
สูตรนี้น่าจะถูกใจใครหลายคนโดยเฉพาะสายที่ชอบความเสี่ยงต่ำ ทำกำไรสูง เพราะเป็นสูตรที่เสี่ยงน้อยที่สุด เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋ามากที่สุดในบรรดาตระกูลมาร์ติงเกล แนวคิดของสูตรนี้ก็คือใช้ทุนเพียงหน่วยเดียวกับกำไรที่ได้มาวิ่งทำเงินต่อไป วิธีการใช้ก็ยังคงความเป็นสูตรแทงทบเช่นเคย ต่างกันตรงที่หากชนะก็จะเล่นสูตรต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบ 5 ตา หรือแพ้
ยกตัวอย่างเช่น
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าสูตรนี้เสียอย่างมากก็แค่ทุน 1 หน่วย กับกำไรที่ได้มาทั้งหมดก็เท่านั้น ซึ่งมีข้อดีตรงที่เราจะทบแค่ไหนก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเพดานเดิมพัน หากตันก็แค่ไปเริ่มรอบใหม่กำไรก็ยังคงอยู่ หรือถ้าสู้และโชคดีจนตาสุดท้ายก็ได้กำไรมากถึง 31 เท่า หรือ 3,100% ถือว่าเยอะมาก ๆ แต่ก็นั่นแหละอยากได้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องตั้งเป้าบริหารความโลภกันเอาเอง
ถ้าจะให้ตัดสินใจว่าใช้สูตรไหนดี ก็ต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนว่าต้องการใช้สูตรเพื่อทำอะไร หากต้องการถอนทุนและมีเงินเยอะอยู่แล้วก็อาจจะเลือกใช้ Martingale หรือ Super Martingale แต่ถ้าไม่ชอบเสี่ยง อยากเล่นสนุก ๆ ไม่ซีเรียสกับการทำกำไร Winning Martingale ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ทั้งนี้ก็ต้องดูปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงินในกระเป๋า ยอดเดิมพันสูงสุดที่จะต้องทบในตาที่ 5 เดิมพันสูงสุดที่โต๊ะกำหนดไว้ ที่สำคัญไม่ควรเล่นด้วยแรงกดดันสูง ๆ เพราะมีโอกาสที่เราจะตัดสินใจผิดพลาดได้ง่ายยิ่งขึ้น