UFAZeed เป็นเว็บไซต์แทงบอลและเดิมพันกีฬาออนไลน์ชั้นนำที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักพนันชาวไทย ด้วยระบบที่เสถียรและมีตัวเลือกในการเดิมพันที่หลากหลาย ทำให้ UFAZeed เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความท้าทายและอยากสร้างผลกำไรจากการแทงบอล อย่างไรก็ตาม การจะประสบความสำเร็จในการแทงบอลให้ได้เงินนั้น จำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และมีกลยุทธ์ที่ดี วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ 6 กลยุทธ์ยอดนิยมในการแทงบอลให้ถูก (Soccer Betting Strategy) ซึ่งสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสไตล์และความถนัดของตนเองได้บนเว็บไซต์ UFAZeed
ความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ของเกมแบบเรียลไทม์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เรามีข้อมูลมากขึ้น สำหรับการตัดสินใจเลือกเดิมพันได้อย่างแม่นยำ Overlyzer Live เป็นเครื่องมือที่รวบรวมสถิติและข้อมูลสำคัญ อย่างเช่นสถานการณ์ความกดดันที่แต่ละทีมกำลังเผชิญอยู่ในขณะที่กำลังแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการครองบอล, โอกาสยิงประตู รวมถึงจังหวะการเข้าทำที่อันตราย ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาวิเคราะห์และแสดงผลออกมาเป็นกราฟเส้นง่ายๆให้เราได้เห็นแบบเรียลไทม์
ตัวอย่างเช่น ในการแข่งขันระหว่าง อังกฤษ กับ เยอรมนี เมื่อเราดูจากกราฟจะพบว่า อังกฤษ (เส้นสีน้ำเงิน) มีความกดดันในการบุกเข้าใส่ค่อนข้างสูงในช่วง 20 นาทีสุดท้าย ซึ่งนำไปสู่การทำประตูถึง 3 ลูก จากข้อมูลดังกล่าว หากต้องการเดิมพันแบบ Live ในช่วงท้ายเกม เราอาจจะเลือกเชียร์ให้ทีมที่มีความกดดันบุกสูงกว่าไปทำประตู หรือเลือกแทงประเภท Over ที่จำนวนประตูสูงขึ้นก็ได้
Overlyzer ยังมีค่าสถิติที่เรียกว่า “Game Offense Factor” ซึ่งบ่งบอกถึงรูปแบบการเล่นโดยรวมของทั้งสองทีมได้ว่ามีแนวโน้มที่จะสูงหรือต่ำ หากตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ 30% ขึ้นไปตลอดทั้งเกม ก็แสดงว่าเป็นเกมที่ค่อนข้างเปิดแลกและมีโอกาสยิงประตูสูง นักพนันก็สามารถใช้ข้อมูลตรงนี้ในการเลือกเดิมพันแบบสูง-ต่ำได้ดีทีเดียว
เป็นกลยุทธ์การแทงบอลที่เน้นเล่นทีมรองในบ้าน ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่จะสร้างเซอร์ไพรส์และทำผลงานได้ดี เนื่องจากมีแรงกระตุ้นจากแฟนบอลในสนาม โดยใช้วิธีเลือกเดิมพันแบบ Double Chance (1X) คือ แทงทีมเจ้าบ้านชนะหรือเสมอ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการชนะเดิมพัน แต่ได้อัตราต่อรองที่ถูกลงมา
ข้อดีของการแทง 1X คือ เราไม่จำเป็นต้องเลือกคู่ที่มีระดับห่างกันมากๆ เช่น ทีมตกชั้นเปิดบ้านรับมือกับทีมลุ้นแชมป์ แม้แต่คู่ที่ดูใกล้เคียงกัน แต่มีเจ้าบ้านเป็นรอง เราก็สามารถเข้าเดิมพัน 1X ได้โดยมีอัตราต่อรองที่น่าสนใจ โดยปกติมักจะอยู่ที่ประมาณ 1.60-2.50 เท่า
อย่างไรก็ตาม การแทง 1X ก็ต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างรอบด้าน ทั้งสถิติที่ผ่านมา ฟอร์มการเล่นปัจจุบัน ความพร้อมของทีม ไปจนถึงประวัติการพบกันของทั้งคู่ เช่น หากทีมเต็งมักเล่นได้ไม่ดีเวลาออกไปเยือนทีมรอง หรือเคยสะดุดมาแล้วในอดีต ก็จะเป็นแต้มบวกที่ช่วยให้เดิมพัน 1X น่าสนใจมากขึ้น
นอกจากนั้น หลักการเดิมพันแบบ 1X ยังสามารถปรับใช้ได้กับทีมที่ค่อนข้างสูสี หรือเป็นรองเล็กน้อย โดยเลือกคู่ที่มีอัตราต่อรองต่ำหน่อย การเดิมพันในลักษณะนี้อาจได้ผลตอบแทนที่ไม่สูงมากนัก แต่โอกาสชนะก็มีสูงขึ้นเช่นกัน
กลยุทธ์ All-in เป็นการลงทุนแบบเต็มพิกัด โดยหวังผลกำไรระยะยาว ซึ่งต้องอาศัยการชนะติดต่อกันหลายครั้งด้วยอัตราต่อรองที่ต่ำ เพื่อทบยอดเงินเดิมพันขึ้นเรื่อยๆ จนได้กำไรจำนวนมาก แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน เพราะหากแทงผิดแม้แต่ครั้งเดียว เงินที่ลงทุนไปทั้งหมดก็จะหมดเป็นศูนย์ ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับคนที่มีกำลังทรัพย์มากพอและอยากได้กำไรแบบก้าวกระโดด
วิธีการคือ ให้เริ่มต้นด้วยอัตราต่อรองที่ประมาณ 1.20 เท่า ซึ่งสามารถรอจังหวะเดิมพันแบบ Live ที่ราคาลงมาถึงจุดนี้ เช่น แทง Over 0.5 ประตู (เกมต้องมีอย่างน้อย 1 ประตู) ซึ่งหากนาทีที่ 30 ยังไม่มีใครทำประตูได้ ราคาก็มักจะมาที่ 1.20 บ้างแล้ว
สมมติเราเริ่มต้นที่ 10 บาท หากแทงชนะก็จะได้เงินเพิ่มขึ้นเป็น 12 บาท จากนั้นนำ 12 บาทนี้ไปแทงต่อในอัตราต่อรองใกล้เคียงเดิม เมื่อชนะอีกครั้งก็จะได้เงินกลับมา 14.40 บาท ซึ่งจะถูกนำไปลงทุนต่อเนื่องในบิลต่อไป วนไปเรื่อยๆจนกว่าจะแทงผิดหรือได้กำไรตามต้องการ
ถ้าหากแทงชนะติดต่อกัน 30 ครั้ง เงิน 10 บาทตอนแรกจะกลายเป็น 2,373.76 บาท หาก 35 ครั้งจะเป็น 5,906.68 บาท และหากทำได้ถึง 40 ครั้ง จะมีเงินถึง 14,697.71 บาท แต่โอกาสที่จะทายถูกติดต่อกันขนาดนี้ก็ถือว่ายากมาก อย่างไรก็ตาม การเดิมพันแบบนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้น และหากเริ่มต้นด้วยเงินที่ไม่มาก ก็จะขาดทุนไม่เยอะหากพลาดท่า
หนึ่งในกลยุทธ์การแทงบอลที่มีความเสี่ยงต่ำและมีแนวโน้มจะสร้างกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ คือการเลือกเน้นแทงในลีกหรือทีมที่เรามีความรู้และความเชี่ยวชาญมากที่สุด หลักการนี้เรียกว่า “Specializing” ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วนักพนันบอลมักจะมีลีกโปรดของตัวเอง เช่น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ลาลีกา สเปน, หรือลีกในประเทศของตัวเอง
การเลือกเน้นลงทุนแค่บางลีก จะช่วยให้เราสามารถติดตามและวิเคราะห์ทีมได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นผลงานในอดีต, ทรัพยากรบุคลากร, รูปแบบการเล่น, สภาพความพร้อม, ปัญหาภายในทีม ไปจนถึงฟอร์มในปัจจุบัน เพราะเมื่อเราเข้าใจทีมดีเราก็จะรู้ว่าเขามีโอกาสเป็นต่อหรือเป็นรองคู่แข่งขนาดไหน
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรารู้ว่าทีม A เก่งเวลาเล่นในบ้าน ส่วนทีม B ฟอร์มไม่ค่อยดีเวลาต้องออกไปเยือน และผู้เล่นตัวหลักของทีม B บาดเจ็บหรือติดโทษแบน เราก็สามารถเลือกแทงทีม A คู่กับทีม B ได้อย่างมั่นใจ
นอกจากจะเน้นเฉพาะลีกแล้ว การเลือกเชียร์ทีมโปรดประจำตัว ก็เป็นอีกวิธีง่ายๆที่จะทำให้เราติดตามผลงานของทีมอย่างต่อเนื่อง เพราะความชอบส่วนตัวจะผลักดันให้เราหาข้อมูลเพิ่มเติมอยู่เสมอ ซึ่งถ้าเป็นทีมจากลีกใหญ่ก็จะยิ่งหาข่าวสารได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น เราเป็นแฟนทีมอาร์เซนอล ก็ควรจะรู้ว่าพวกเขาเล่นได้ดีในเกมเหย้าแค่ไหน, ถนัดเจอกับทีมสไตล์ไหน รวมถึงเวลาต้องพบกับคู่ปรับอย่าง สเปอร์ส หรือแมนฯยูฯ
ข้อดีอีกอย่างของการแทงแบบเน้นเฉพาะลีกคือ ทำให้เราสามารถวางแผนได้ว่าจะเดิมพันคู่ไหน และควรจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ในแต่ละสัปดาห์ ถ้าเทียบกับการแทงได้ทุกลีก ทุกคู่ที่น่าสนใจ ซึ่งบางทีก็อาจจะโดนอารมณ์ความรู้สึกหรือความกดดันชักจูงให้เดิมพันไปโดยไม่ได้คิดมากนัก
หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้นักพนันส่วนใหญ่ล้มเหลวในการแทงบอล คือการขาดวินัยในการบริหารจัดการเงินทุน ไม่ว่าจะด้วยความโลภ, หลงเชื่อโฆษณาราคาบอลดีๆ หรือมั่นใจเกินไปในการวิเคราะห์ของตัวเอง ก็ทำให้เดิมพันเกินตัวจนเจ๊งไปในที่สุด
ในการจัดสรรทุนนั้น ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า เราควรจะแบ่งทุนออกเป็น 3 ส่วน ด้วยอัตราส่วน 50 – 30 – 20
ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีทุน 10,000 บาท ควรแบ่งไว้ 5,000 บาทสำหรับเล่นตามปกติในแต่ละคู่ไม่เกิน 300-500 บาท, 3,000 บาทสำหรับใช้ในระบบที่วางแผนไว้, และ 2,000 บาทสุดท้ายเผื่อไว้สำหรับจังหวะสำคัญที่ไม่อาจพลาดได้
นอกเหนือจากการจัดสรรเม็ดเงินแล้ว อัตราต่อรองก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เราต้องคำนึงถึงในการวางเดิมพัน เพราะมันส่งผลต่อผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราแทง 1,000 บาท ด้วยอัตราต่อรอง 2.0 เมื่อชนะจะได้กำไรเพิ่มอีก 1,000 บาท (ชนะ 1,000 + ทุน 1,000) แต่ถ้าเสียก็จะขาดทุนเต็มๆ 1,000 บาท
ในทางตรงกันข้าม การแทง 1,000 บาทด้วยราคา 1.25 เท่า เมื่อชนะเราจะได้กำไรแค่ 250 บาท (ชนะ 250 + ทุน 1,000) แต่หากแทงเสียก็ยังจะเสียเงินเท่าเดิม 1,000 บาท ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่ไม่คุ้มเลย
ดังนั้นการเลือกคู่ที่จะเดิมพันนอกจากจะพิจารณาจากโอกาสชนะแล้ว ก็ต้องดูที่ความคุ้มค่าของผลตอบแทนด้วย โดยอัตราต่อรองที่น่าสนใจควรจะเริ่มต้นที่ 1.50 ขึ้นไป เพราะหากต่ำกว่านั้นเมื่อแทงเสียก็อาจจะสูญเสียมากกว่ากำไรที่เคยได้รับตอนที่ชนะ
การเลือกวางเดิมพันหลายๆ คู่ในบิลเดียวก็เป็นความเสี่ยงอีกรูปแบบหนึ่ง เช่น การแทงสเต็ป 3 คู่ ด้วยอัตราต่อรองรวม @5.0 จะได้ผลตอบแทนสูงก็จริง แต่มันมีโอกาสพลาดมากกว่าถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับการแยกเดิมพันทีละคู่ ฉะนั้นการจัดสรรสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม ไม่กระจุกตัวมากเกินไป ก็เป็นอีกหนึ่งหลักการสำคัญในการบริหารความเสี่ยงนั่นเอง
สุดท้าย แม้ว่าเราจะทำการบ้านมาดีแค่ไหน มีระบบที่เชื่อถือได้ขนาดไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยึดติดกับมันไปตลอด เพราะในความเป็นจริง สถานการณ์และตัวแปรในวงการฟุตบอลมีเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งอาการบาดเจ็บของผู้เล่น, สภาพอากาศที่แปรปรวน, ไปจนถึงฟอร์มการเล่นของทีม
ในบางครั้งแผนที่วางมาอาจจะไม่สามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์ การมีความยืดหยุ่นและกล้าที่จะปรับเปลี่ยนจึงเป็นทักษะที่สำคัญของเหล่านักพนัน มิเช่นนั้นแล้วโอกาสที่จะสูญเสียเงินทุนไปโดยใช่เหตุก็จะยิ่งสูงขึ้น
สมมติว่าเรามีแผนที่จะเดิมพัน Over 2.5 ประตูในเกมระหว่างสเปอร์สกับแมนฯยูไนเต็ดที่กำลังจะเริ่ม แต่ปรากฎว่าฝนตกลงมาอย่างหนักจนสนามเละและลื่น การผิดแผนเดิมแล้วเปลี่ยนไปแทง Under 2.5 ประตูแทน ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ฉลาดกว่าในสถานการณ์นั้น
หรือในกรณีที่เราเชียร์ทีมเต็งอย่างเชลซี ที่กำลังบุกไปเยือนทีมบ๊วยอย่างนอริช แต่ครึ่งแรกผ่านไปเชลซียังไม่สามารถยิงประตูได้เลย และนอริชก็เล่นได้อย่างเหนียวแน่น คราวนี้การเปลี่ยนใจมาแทงเสมอแทนในครึ่งหลังก็ดูจะสมเหตุสมผลกว่า
นอกจากความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายการเดิมพันแล้ว การปรับสไตล์การแทงไปตามราคาบอลก็เป็นอีกสิ่งที่เซียนหลายคนเลือกใช้ อย่างเช่น ในช่วงที่ราคาน้ำแพงเกินจริง (เหตุเพราะคนแทงพูลกันเยอะ) ก็อาจจะลองเปลี่ยนมาเน้นแทงทีมรองบ้าง หรือในช่วงที่มีข่าวอาการบาดเจ็บระบาด เราก็อาจจะเน้นเล่นในโพยที่มีตัวเลือกผู้เล่นสำรองให้เปลี่ยนแปลงจนถึงนาทีสุดท้าย
จะเห็นได้ว่าความสำเร็จในการแทงบอล มักมาจากการผสมผสานแนวทางต่างๆ เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูล, การบริหารจัดการทุน, การใช้ระบบเดิมพัน และที่สำคัญคือความยืดหยุ่นปรับตัว ซึ่งหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปก็จะทำให้โอกาสประสบความสำเร็จนั้นลดลงอย่างมาก