ค่าน้ำบอล อาจเรียกได้ว่าเป็นหัวใจในการทำกำไรของการแทงบอลออนไลน์ เพราะเกมนี้ไม่เหมือนเกมคาสิโนอื่น ๆ ที่มีอัตราจ่ายตายตัวหรือสามารถใช้สูตรเดินเงินได้ การจะทำกำไรนอกจากวิเคราะห์บอลได้ เข้าใจราคาบอลแล้ว ค่าน้ำบอลก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องศึกษาเอาไว้ หลายคนพลาดทำกำไรอย่างที่ต้องการหรือถึงกับขาดทุนง่าย ๆ เพียงเพราะไม่เข้าใจหรือไม่มีความรู้เรื่องค่าน้ำบอลเลย บทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับค่าน้ำบอลกันให้มากขึ้น อย่างน้อยจะได้รู้ว่าค่าน้ำแบบไหนที่คุ้มค่าแก่การลงทุน
ค่าน้ำบอล เรียกได้ว่าเป็นค่าธรรมเนียมที่ถูกตั้งไว้เพื่อหัก % จากลูกค้าหากชนะเดิมพัน เหมือนกับการหักค่าคอมมิชชั่นในบาคาร่า ปกติแล้วค่าน้ำหรือราคาบอลจะถูกแบ่งด้วยสี, สัญลักษณ์ หรือข้อความ ที่จะถูกกำกับเอาไว้ด้านหลังของราคาต่อรองบอล ซึ่งโต๊ะบอลทั่วไปกับเว็บแทบบอลออนไลน์จะมีวิธีคิดค่าน้ำที่แตกต่างกันไป
สำหรับโต๊ะบอลทั่วไปจะมีอยู่ด้วยกัน 5 ราคา คือ ราคาขาว, ราคาลบสิบ, ราคาลบห้า, ราคาบวกสิบ และราคาเสมอ แต่ละราคาจะมีวิธีคิดดังนี้
ราคาขาว
ราคาลบสิบ (-10)
ราคาลบห้า (-5)
ราคาบวกสิบ (+10)
การแทงบอลออนไลน์จะมีรายละเอียดปลีกย่อยมากกว่า คือจะมีการคิดในส่วนของเรื่องอัตราจ่ายและราคาต่อรอง โดยที่ทุกคู่จะมีตัวเลขทศนิยมกำกับไว้ที่ราคาต่อรอง การคิดก็แค่เอาเงินเดิมพันที่วางไว้มาคูณกับตัวเลขที่วางเดิมพัน เช่น แทงบอล 100 บาท หากชนะจะได้เงิน 210 บาท เป็นต้น
โดยทั่วไปอัตราจ่ายจะอยู่ระหว่าง 0.27-115 หรืออาจมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ แต่ก็จะมีการปรับเปลี่ยนทุก 2 นาที ที่เราเรียกกันว่าราคาไหล เลยทำให้นักพนันมืออาชีพเลือกที่จะแทงบอลช่วงก่อนจบ 5 นาทีสุดท้ายของเกมสักเล็กน้อยเพื่อโอกาสชนะที่มากขึ้น
แม้ว่าจะมีรายละเอียดมากกว่า แต่การคิดค่าน้ำบอลออนไลน์จะง่ายกว่าตรงที่คูณอัตราจ่ายไปได้เลย ไม่ต้องมาเสียเวลาคิดค่าเสียน้ำเหมือนโต๊ะบอลทั่วไป เหลือแค่ดูราคาต่อรองให้ดีก่อนวางเดิมพันก็พอ สำหรับราคาบอลจะมีวิธีอ่านแตกต่างกันไปดังนี้
0.25 อ่านว่า ปป หรือ เสมอควบครึ่ง
0.5 อ่านว่า ครึ่งลูก
0.75 อ่านว่า ครึ่งควบลูก
1.0 อ่านว่า หนึ่งลูก
1.25 อ่านว่า ครึ่งควบลูก
1.50 อ่านว่า ลูกครึ่ง
1.75 อ่านว่า ลูกควบครึ่ง
2.0 อ่านว่า สองลูก
นอกจากราคาบอล การแทงบอลออนไลน์จะต้องดูค่าน้ำบอลด้วยเช่นกัน ปกติแล้วค่าน้ำบอลจะแตกต่างกันไปตามโซนของโต๊ะบอลที่เปิดให้บริการ แต่ที่นิยมใช้อ้างอิงกันหรือเห็นได้บ่อยจะมีอยู่ 3 แบบคือ
ค่าน้ำมาเลย์ (MY)
หรือที่เรียกกันว่าค่าน้ำดำ-แดง เพราะคู่บอลที่ใช้ราคาน้ำมาเลย์จะแบ่งราคาออกเป็น 2 สี คือ
ค่าน้ำฮ่องกง (HK)
เป็นค่าน้ำบอลที่นิยมในเอเชีย เพราะมีราคาสูงกว่าทุน ปกติจะอยู่ที่ 1.2-1.5 ขึ้นไป สมมติว่าแทงบอล 100 บาท ที่ค่าน้ำฮ่องกง 1.2 ถ้าชนะจะได้กำไร 120 บาท เลยทีเดียว
ค่าน้ำยุโรป (EU)
หรือค่าน้ำเดซิมอล ได้รับความนิยมในยุโรป จุดเด่นคือให้อัตราต่อรองสูง แต่เงินที่ได้ก็เป็นการรวมต้นทุนเอาไว้แล้ว พอหักเงินทุนออกก็แทบจะไม่ต่างจากค่าน้ำบอลประเทศอื่นมากนัก ปกติค่าน้ำยุโรปจะอยู่ที่ 2.0-2.5 ขึ้นไป สมมติว่าแทงบอล 100 บาท ที่ค่าน้ำ 2.2 หากชนะจะได้เงินกลับมา 220 บาท หักทุนก็เหลือกำไร 120 บาท นั่นเอง